วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อุปกรณ์ในการตัดไม้

เลือกเอาตามชนิดที่หาได้
1. เลื่อยช่างไม้
ข้อดี - หาง่ายราคาไม่แพง
ข้อเสีย - ผิวเปิด ไม้บิ่น
2. จิ๊กซอ
ข้อดี - สามารถตัดโค้งได้ ( โดยปกติจะใช้โรเต้อ ) ไม้บิ่นน้อยกว่าเลื่อยธรรมดา
ข้อเสีย - ผิวบิ่น 1 ด้าน ถ้าไม้หนาขอบที่ตัดมีโอกาสเฉียง หรือเบี้ยว
3. เลื่อยวงเดือน
ข้อดี - ไม้บิ่นน้อยกว่าเลื่อยธรรมดา ตัดได้เร็ว
ข้อเสีย - ผิวบิ่น 1 ด้านเล็กน้อย
4. ทำแท่นตัด
ให้ทำโต๊ะขึ้นมาหนึ่งตัว + นำเลื่อยวงเดือนติดไว้ใต้โต๊ะ , ทำฉากบังคับไม้ ,ไม่ต้องขีดเส้น
ข้อดี - ไม้บิ่นน้อยกว่าเลื่อยธรรมดา ตัดได้เร็ว และ ตรง
ข้อเสีย - ผิวบิ่น 1 ด้านเล็กน้อย
*** ทั้งหมดนี้ถ้าใช้ไม้เปลือยก็ไม่ต้องกังวลอะไร

เตรียมความพร้อม ก่อนลงมือ

จะใช้ไม้ชนิดใหนทำเฟอร์นิเจอร์ ควรเลือกก่อนว่าจะใช้ชนิดใหน
1. Particle ปิดผิว
- หาซื้อขอบได้หรือไม่ แล้วทำไมต้องปิดขอบ
สาเหตุ 1. ถ้าไม่ปิด แล้วมีน้ำเข้า จะขึ้นรา ไม้จะบวม ยุ่ย
2. ไม่สวยงาม เห็นเศษไม่ข้างใน
- ขอบชนิดไม่มีกาวในตัว ปกติตามโรงงานจะใช้ เครื่องปิดขอบ หลักการคือ จะมีหม้อกาว ซึ่งหม้อกาวจะมีความร้อนสูงขึ้นอยู่กับชนิดกาวว่าจะละลายที่ความร้อนเท่าใหร่และต้องสัมพันธ์กับแผ่นขอบ ขอบบางชนิดจะย่นถ้าความร้อนสูงเกินไป โดยส่วนมากที่จะใช้ในที่นี้จะเป็นขอบ PVC ขอบที่จะใช้มาตรฐานตามร้านจะเป็น 15 , 16 , 25 มิล นอกนั้นจะต้องสั่งตัด โดยตัวเครื่องจะสามารถตั้งอุณหภูมิ ตั้งความยาวของแผ่นขอบว่าจะตัดที่ระยะเท่าใหร่ เมื่อตั้งค่าเสร็จก็เหยียบเดินเครื่อง มอเตอร์ก็จะส่งแผ่นขอบเข้าเครื่องทากาวจากนั้นเราก็นำไม้ไปแปะกับแผ่นขอบที่ทากาว มอเตอร์ตรงแนวกาวก็จะรีดแผ่นขอบติดกับเนื้อไม้ เมื่อถึงระยะที่เราตั้งไว้ เครื่องก็จะตัดแผ่นขอบ สรุปง่ายๆก็คือ เราไม่ต้องทำอะไรก็คือ แค่วางแผ่นไม้ไปบนแท่นปิดขอบและคอยคอนโทรนมันก็จบ แต่ถ้าเป็นเครื่องระดับโรงงานใหญ่แค่วางแผ่นไม้ ก็จบ จากนั้นเครื่องจัดการเอง เอาหละครับเราคงไม่ต้องบอกรายละเอียดมากนักเพราะไม่ได้ใช้ เราแก้ปัญหาง่ายๆ คือใช้กาวยางแทนครับทาแล้วก็ปิด จบครับ
- หาซื้อขอบชนิดที่มีกาวในตัวได้ใหม ถ้าได้ก็แค่ลอกแล้วนำไปติดเลย จบครับ
- หาซื้อไม่ได้เลย หาอะไรก็ได้ที่สวยๆกันน้ำมาประยุกต์นำมาตัดและปิดขอบมัน ถ้าให้ง่ายๆเลย คือ สีพ่นอุตสาหกรรมครับ จากนั้น แปลงทาเลยครับแต่ก่อนทาอย่าลืม กระดาษทรายขัดก่อนนะครับ สีน้ำมันห้ามใช้นะครับไม่งั้นมันจะเละ อยากได้สีอะไรผสมเอาเลย
2. ไม้ MDF ชนิดไม่ปิดผิว โดยเราสามารถเลือกชนิดสีเองได้ ถ้าเป็นไปได้ผมแนะนำชนิดนี้ ยิ่งถ้าทำให้ลูกยิ่งดีใหญ่ ถ้าลูกสาวก็สีหวานๆหน่อย จะสลับสีหรือไม่สลับสีกันแล้วแต่ไอเดียครับ แต่ต้นทุนจะสูงนิดหนึ่ง แล้วไม่ต้องสนใจเรื่องการปิดขอบ , ผิวที่ปิด , แผ่นไม้ไม่เรียบ แตก เวลาตัด และเมื่อลองเข้าไปดูในร้านเฟอร์นิเจอร์แล้วเปรียบเทียบราคา จะรู้ว่ามันคุ้มจริงๆกับสิ่งที่เราทำในราคาไม่แพงแต่ในร้าน มันกลับแพงจนหูฉี่ และไม่ต้องกลัวเรื่องราขึ้น ดีกับสุขภาพเด็กและครอบครัว สิ่งจำเป็นที่จะต้องมี คือปั๊มลม , กาพ่นสี , สีพ่นอุตสาหกรรม , ยูริเทนใส เงาหรือด้านเลือกเอา หรือวิธีง่ายๆแต่ไม่แนะนำ เพราะไม่นานมันก็จะลอก ( เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานประจำ จับบ่อยๆ วางของ ถูไปถูมา หรือ เปลเด็ก ) คือสเปร์กระป๋อง กับ สเปร์เครือบเงา เลือก เกรดที่ดีหน่อย ก่อนจะพ่นสี จำเป็นจะต้องทำแบบให้เสร็จก่อน และ ทาหรือพ่นน้ำยากันซึมให้เรียบร้อย ตรงใหนไม่เรียบให้ขัดกระดาษทราย (ถ้ามีเครื่องขัดยิ่งดีแต่อย่าซื้อเลยหลายตังค์อยู่)โดยเฉพาะรอยตัด ส่วนแผ่นผิวจะเรียบอยู่แล้วแค่ปัดฝุ่นทำความสะอาดก็เพียงพอ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชนิดของวัสดุปิดผิว

1. ฟอยล์ หรือมันก็คือกระดาษ มีหลายเกรด ความหนาก็ต่างกัน ครับตั่งแต่เกรดห่วยมากๆที่ขายกันตามข้างถนน จนถึงฟอยล์ที่ราคาแพงๆขายเป็นเฟอร์นิเจอร์กันตัวละหลายๆหมื่น

2. พลาสติกหรือพีวีซี วัสดุชนิดนี้ก็มีกันหลายๆเกรด ตั้งแต่บางมาก ถึงหนา ข้อดีคือทนการขีดข่วนและกันน้ำได้ ส่วนใหญ่มักนำมาใช้กับโต๊ะทำงาน โต๊ะอาหาร แต่ก็มีใช้มาทำตู้เสื้อผ้า เตียง และอื่นๆกันบ้าง

3. เมลามีน ซึ่งคือวัสดุชนิดหนึ่งที่คล้ายคลึงกับพลาสติก แต่มีความสามารถในการทนทานต่อความร้อนและรอยขูดขีด ได้ดีกว่า PVC กับ ฟอยล์

4. ลามิเนต วัสดุปิดผิวชนิดนี้ จะคล้ายกับฟอร์ไมก้า (นึกถึงโต๊ะหน้าขาว ขาพับได้) จะเป็นแผ่นเหมือนไม้อัดบางๆปิดทับอีกที นิยมใช้กันมากกับงานบิวท์อิน เพราะง่าย ราคาไม่แพง มีหลายสีให้เลือกมากมายหลายร้อยแบบและมีลายแปลกให้เลือก ทนต่อน้ำและรอยขีดข่วนได้ดี แต่มีข้อเสียคือ เปราะ และมักจะร่อนเป็นแผ่นๆ มีหลายๆเกรดเช่นเดียวกัน ตั้งแต่หลักไม่กี่บาทจนถึงหลายๆพัน

5. วีเนียร์ เป็นแผ่นไม้ฝานบางๆ จนถึงบางมากๆ แปะทับลงบนเอ็มดีเอฟ ให้ลายไม้เหมือนจริง เพราะทำมาจากไม้จริง มีให้เลือกหลายลาย แต่ ข้อเสียมีเยอะมากไม่ทนต่อรอยขีดข่วน ไม่ทนน้ำมากนัก เปราะหักได้ง่ายตรงขอบ (ถ้ารักไม้จริงต้องยอมรับได้) ส่วนใหญ่ร้านเฟอร์นิเจอร์ชอบบอกว่าเป็นไม้จริง (แต่จริงๆก็ใช่ แต่ไม่ใช่)

ประเภทของไม้

1 Particle พาติเคิล
ไม้เกรด A ซึ่งผลิตจากเศษไม้ยางพารา มาบดแบบหยาบ แล้วนำมาอัดด้วยความดันสูง ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยกรรมวิธีผลิตที่ทันสมัยอบด้วยความร้อนสูงกว่า 200 องศา จึงไม่มีความชื้นในเนื้อไม้ ช่วยป้องกันปลวก มอด และเชื้อรา แต่หาซื้อไม่ได้ตามร้านทั่วไป
ที่หาซื้อได้จะเป็น ไม้ ที่ทำจาก เศษไม้ชนิดต่างๆ แบบว่าหาอะไรได้ก็เอาไอ้นั่น ตามแต่มาตรฐานของโรงงานแต่ละแห่ง ขนาดของมันก็เท่ากับไม้อัดทั่วไป คือ 122 x 244 ซ.ม. แล้วนำมาปิดผิวลวดลายชนิดต่างๆ เช่น ลายไม้สัก, บีช ,วอลนัส , สักทอง ซึ่งวัสดุปิดผิว มีหลายชนิด เช่น กระดาษ


2 MDF ( Medium Density Fiber board )
ลักษณะเดียวกัน แต่ว่าจะมี ความหนาแน่นสูงกว่า เนื้อไม้ละเอียดกว่า นิยมนำไม้ชนิดนี้ปิดผิวกระดาษโดยมีความหนารวม 2.5มิล นำมาใช้เป็นแผ่นฝาหลังของตู้ หรือ ไม้พื้นตัวลิ้นชัก ส่วนไม้หนามักนำมาปิดผิว ชนิดอื่น เช่น บานประตู แผ่น top ต่างๆ หรือ นำไม้เปลือยชนิดนี้นำมาพ่นสีแล้วเครือบเงาจะมีความสวยงามมาก